การเดินทางส่วนใหญ่ในเมืองกรุงลอนดอน เน้นระบบขนส่งมวลชนสาธารณะมากกว่ารถยนต์ส่วนตัว โดยมีรถไฟใต้ดิน The Tube และ รถไฟ DLR ที่ใช้ในการเดินทางเป็นหลัก มีให้เลือก 11 สาย และมีจุดจอดกว่า 200 สถานี ซึ่งอยู่ใกล้แหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของประเทศอังกฤษเกือบทุกแห่ง ทั้งหอนาฬิกา Big Ben พิพิธภัณฑ์ British Museum ชิงช้าสวรรค์ London Eyes ตลอดจนถึงแหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารแสนอร่อยที่ถูกแนะนำว่าควรไปลองสักครั้งหากได้มาลอนดอน นอกจากนี้ยังมีรถบัสบริการในการเดินทาง ซึ่งเป็นรสโดยสารประจำทาง 2 ชั้น และ แท็กซี่ แต่วันนี้เราจะมาแนะนำการเดินทางด้วยรถโดยสารแบบการซื้อตั๋วเพื่อการเดินทางในเมืองลอนดอน หากต้องการจะซื้อตั๋วรถไฟ The Tube และ รถไฟ DLR สามารถซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์สถานีรถไฟได้เลย แต่สำหรับรถบัสต้องซื้อที่บริเวณป้ายรถบัส หรือจะซื้อกับคนขับรถตอนขึ้นรถก็ได้เช่นกัน แต่จะต้องเตรียมเงินให้พอดี เพราะส่วนใหญ่คนขับจะไม่มีการเตรียมเงินไว้ทอน วันนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับตั๋วการเดินทางในลอนดอนแต่ละประเภทกันค่ะ
ตั๋วเที่ยวเดียว (Single Ticket)
หากต้องการเดินทางไปสถานที่ใดเฉพาะเจาะจง สามารถซื้อตั๋วเที่ยวเดียวได้ แต่ถ้าหากต้องการเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ ไม่เหมาะที่จะซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียว เพราะราคาจะค่อนข้างสูงเกินไป โดยราคาตั๋วเที่ยวเดียวมีอัตราเดียวกับตั๋วรถไฟ DLR และ รถไฟ London Overground ที่เป็นโซนในเมือง (โซน 1-2) ราคาตั๋ว 4 ปอนด์ ตลอดสาย แต่ถ้าเป็นตั๋วโซน 1-3 และ โซน 1-6 ราคา 5 ปอนด์ ตลอดสาย
บัตรเติมเงิน Oyster
บัตรเติมเงินที่การใช้งานเหมือนกับบัตรรถไฟฟ้าในเมืองไทยบ้านเรา สามารถใช้ในการเดินทางโดย Tube รถราง รถบัส ได้ทั่วเมืองลอนดอน และสามารถนำไปใช้จ่ายซื้อของแทนเงินสดในร้านสะดวกซื้อ แต่บัตรนี้จำกัดสิทธิ์ใช้ได้ในเพียงกรุงลอนดอนเท่านั้น ส่วนราคาของบัตรมีให้เลือกตามต้องการ ตั้งแต่ราคา 10 – 50 ปอนด์ โดยมีค่ามัดจำบัตร 5 ปอนด์ และจะได้คืนเมื่อนำบัตรกลับไปแลกกับเจ้าหน้าที่ แต่จะมีค่าธรรมเนียมบัตร 3 ปอนด์
เมื่อใช้บัตร Oyster ชำระค่าโดยสาร จะดได้ส่วนลดค่าโดยสารต่อรอบประมาณ 1 ปอนด์ แต่ถ้าหากใช้บัตร Oyster ชำระค่าโดยสารรถบัส จากราคา 2.30 ปอนด์ จะเหลือเพียง 1.30 ปอนด์ และสามารถเติมเงินได้เรื่อย ๆ เมื่อเงินในบัตรหมด โดยสามารถเติมเงินได้ที่เคาน์เตอร์สถานี Tube หรือที่ ๆ มีสัญลักษณ์ Oyster ทุกแห่ง
บัตร London Pass
บัตรเดินทางแบบเหมาจ่ายที่รวมค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังกว่า 50 แห่ง เช่น Westminster Abbey หอคอยลอนดอน โบสถ์เซนต์พอล ประสาทวินด์เซอร์ เป็นต้น โดยบัตรจะครอบคลุมในการใช้เพื่อเป็นค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในกรุงลอนดอนได้มากถึง 50 แห่ง ตลอดประเภทการเดินทางทั้งหมดในอังกฤษ ยกเว้นแท็กซี่เท่านั้นที่ไม่สามารถใช้ได้ ซึ่งบัตรจะมีราคาต่าง ๆ ให้เลือกตั้งแต่ 46 – 99 ปอนด์ (สำหรับเด็กอายุ 5 – 15 ปี ราคาบัตรมีตั้งแต่ 29 -69 ปอนด์) โดยสามารถซื้อบัตร London Pass ได้ที่ Heathrow Express และรับบัตรที่ Britain & London Visitor Centre ซึ่งจะได้รับ Guide Book จากเจ้าหน้าที่ เพื่อใช้ในการประกอบแผนการเดินทาง หรือจะหาซื้อบัตร London Pass จากประเทศไทยก่อนออกเดินทางก็ได้เช่นกัน เมื่อเดินทางไปถึงลอนดอนก็สามารถใช้บัตรท่องเที่ยวได้เลย
การวางแผนและเลือกซื้อตั๋วเดินทางให้เหมาะกับลักษณะการเดินทางของเรา จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายระหว่างท่องเที่ยวและยังช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับทริปของเรา แถมยังเหลือเงินซื้อของฝากได้มากขึ้นอีกด้วย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ ว่าแล้วก็ไปเซย์ไฮเมืองลอนดอนกันเล๊ยย
บัตร London Travel Card
บัตร London Travel Card คือ บัตรเดินทางแบบเหมาจ่าย สามารถเดินทางโดยสารรถไฟ Tube , รถไฟ DLR , รถไฟอื่น ๆ และ รถบัสแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งในการใช้บริการ โดยตั๋วจะมีจำนวนวันที่จะใช้ในการเดินทาง เช่น ตั๋ว 1 วัน , ตั๋ว 3 วัน , ตั๋ว 5 วัน , ตั๋ว 7 วัน เป็นต้น และสามารถใช้บริการวันไหนก็ได้ตลอดทั้งวัน ไม่จำกัดว่าเป็นจะวันธรรมดาหรือวันหยุดราชการ โดยบัตรสามารถใช้ได้ตลอดทั้งวัน มีราคาให้เลือกตั้งแต่ 8 – 15 ปอนด์
หากซื้อบัตรราคา 15 ปอนด์ สามารถนั่งรถไฟใต้ดินจาก Heathrow Airport เข้าสู่เมืองได้เลย โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เพราะปกติต้องจ่ายอีก 18 ปอนด์
ส่วนการเดินทางในวันธรรมดาในเวลาราชการ สามารถซื้อบัตรได้ในราคาตั้งแต่ 6.60 – 8 ปอนด์ ส่วนบัตรการเดินทางสสำหรับ 7 วัน สามารถไปไหนก็ได้ตลอด 7 วัน มีราคาตั้งแต่ 27.60 – 50.40 ปอนด์ ซึ่งราคาแตกต่างกันไป จึงต้องวางแผนก่อนซื้อบัตรให้ดี ๆ ว่าอยากไปโซนไหนมากที่สุด เพื่อจะได้ซื้อประเภทบัตรให้ได้คุ้มค่าต่อการใช้งานที่สุด หากมักจะต้องไปโซน 1 – 2 อยู่บ่อยครั้ง ก็สามารถเลือกซื้อบัตรในราคาถูกที่สุดได้