Haters Gonna Hate คือ สำนวนภาษาอังกฤษที่แปลเป็นไทยได้ว่า “คนเขาจะเกลียด ทำอย่างไรเขาก็เกลียด” โดยมีความหมายตามนั้นเลย คือ ถ้ามีใครสักคนเกลียดขี้หน้าเรา ต่อให้เราทำดีกับเขาแค่ไหน เขาก็ยังเกลียดอยู่ดี แต่ถ้าหากคนที่เกลียดเราไม่ได้ใกล้ชิด หรือเป็นคนอื่นที่ไม่ต้องมีปฏิสัมพันธ์อะไร ก็รับมือได้ไม่ยากเลย เพียงแค่อยู่ให้ห่าง ๆ ไม่ต้องไปติดต่อ หรือหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน แค่นี้ก็ไม่เกิดปัญหาแล้ว
แต่ถ้าคนที่เกลียดเรา หรือ Haters คนนั้นดันเป็นคนที่ต้องเจอกันทุกวัน ยิ่งเป็นคนที่ต้องทำงานร่วมกัน เป็นเพื่อนร่วมงาน อยู่บริษัทเดียวกัน การหลีกเลี่ยงนั้นทำได้ยาก และอาจส่งผลต่อความคิด บรรยากาศ ที่ไม่เป็นผลดีต่อกิจวัตรในที่ทำงาน รวมไปถึงประสิทธิภาพในการทำงานของเรา แม้ว่าในความเป็นจริง ผู้คนที่เราพบเจอในชีวิต ย่อมต้องมีทั้งคนที่รักและคนที่เกลียดเรา แต่ถ้าเป็นกรณีต้องร่วมงานและทำงานกับคนที่เขาเกลียดเราล่ะ จะมีวิธีรับมืออย่างไรเพื่อหลีกหนีจากปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากคนที่เกลียดหน้าเรา โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากัน
เป็นตัวเองอย่างที่เป็น
เราไม่สามารถทำให้ใครทั้งโลกชอบเราได้ จึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเอง หรือพยายามเป็นคนดีเพื่อทุกคน ทำดีเพราะเป็นนิสัยของเรา ทำดีเพราะอยากทำ อย่าทำดีเพราะอยากให้ใครชอบเรา พอล นิวแมน (Paul Newman) นักแสดงชาวอเมริกัน เจ้าของรางวัลออสการ์ ซึ่งเคยโด่งดังในอดีต ได้กล่าวไว้ว่า “If you don’t have enemise, you don’t have character” ซึ่งแปลว่า หากคุณไม่มีศัตรู คุณก็จะไม่มีบุคลิก ดังนั้น การมองข้ามคนที่เกลียดเราไป เสมือนเขาเหล่านั้นเป็นอากาศธาตุที่ไม่มีตัวตน อาจทำได้ยาก แต่มันจะทำให้เราได้ก้าวไปสู่จุดที่สูงขึ้น การได้ฝึกฝนระดับจิตใจ ความอดทนอดกลั้น ความคิด การไตร่ตรอง การมีเหตุมีผล ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีศักยภาพในทุกด้าน ทั้งภายนอกและภายใน อย่าเสียเวลาจมอยู่กับความคิดของคนที่เกลียดเรา ทำให้คอยดึงรั้งการยกระดับจิตใจของเรา และความสำเร็จที่เราควรได้รับ เพียงเพราะคนที่ไม่สำคัญในชีวิตแค่ไม่กี่คน เลิกสนใจเขาซะ เป็นตัวเอง แล้วทำหน้าที่ของเราต่อไป
นิ่งเฉยแต่ไม่เพิกเฉย
จริงอยู่ว่าเราควรเพิกเฉยและอย่าไปให้ความสำคัญกับ Haters แต่บางครั้งอาจจำเป็นที่เราต้องรับรู้ถึงความรู้สึกที่เขาเหล่านั้นรู้สึกต่อเรา เพื่อจะได้มีความพร้อมในการรับมือ หากจำเป็นต้องดีลงานด้วย จะได้รู้วิธีปกป้องตนเองรวมไปถึงวิธีการทำงาน ไม่ให้ถูก Haters มาก่อกวนจนทำให้งานของเราเสียแนวทาง และหากพวกเขารู้ว่าเรารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาแต่เรานิ่งเฉย หากพวกเขามีความเป็นมืออาชีพในการทำงาน ก็อาจไตร่ตรองก่อนที่จะแสดงออกต่อเรา
แยกอารมณ์ออกจากงาน
Haters บางคนในที่ทำงาน อาจทำตัว Toxic ใส่เรา หากเป็นช่วงเวลาปกติ เราอาจมีการรับมือปกป้องอารมณ์ตัวเองได้ดี แต่บางครั้ง แม้ว่าจะพยายามนิ่งเฉยขนาดไหน ก็อาจส่งผลต่อความรู้สึกต่อเรา โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอความ toxic จากคนที่ทำงานในวันแย่ ๆ ของเรา จนทำให้ไม่สามารถคอนโทรลอารมณ์ได้อย่างทุกครั้ง ดังนั้น จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้การแยกอารมณ์ออกจากสถานการณ์ ฝึกฝนและย้ำตัวเองอยู่เสมอ ว่านี่เป็นเพียงส่วนงานเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมดในชีวิตของเรา มีสิ่งอื่นที่สำคัญและจำเป็นมากกว่าคนที่เป็นพิษเหล่านี้ หลังจบงานเราก็จะมีอิสระ ให้หันไปจดจ่อกับสิ่งอื่นที่ทำให้รู้สึกดีขึ้น หรือจดจ่อกับเนื้องานในหน้าที่ของเรา อย่าให้ค่ากับ haters ถือเสียว่าเป็นการฝึกความอดทน มารไม่มี บารมีไม่เกิด
นิ่งเงียบแทนความโกรธ
แน่นอน คนที่ไม่ชอบเรา เกลียดเรา หรืออิจฉาเรา มักจะสรรหาคำพูดแย่ ๆ ใส่เรา หรือพูดกระทบให้เรารู้สึกแย่ ด้วยความเกลียดหรืออิจฉา ซึ่งคำแย่ ๆ เหล่านั้นทำให้เราไม่พอใจ โกรธ หรือรู้สึกอับอาย แต่เราสามารถเลือกได้ว่า เราจะรับมือและแสดงออกต่อคำพูดเหล่านั้นอย่างไร บางคนอาจแสดงความโกรธและโต้ตอบอย่างไม่ลดละ แต่ถ้าเราเลือกที่นิ่งเฉย เดินหนีไปเสีย หรือหัวเราะแทนการแสดงความโกรธออกไป นอกจากจะไม่ทำให้เราเสียสุขภาพจิตจากความโกรธ แต่อาจทำให้คนที่เกลียดเรากระวนกระวาย หรือแทบคลั่ง เพราะความโกรธได้ย้อนกลับสนองตัวเขาเอง
ระบายออกเสียบ้าง
จริงอยู่ว่าเราควรนิ่งเฉยหรือเดินหนีออกให้ห่าง เมื่อมีใครที่เกลียดหรือทำตัวแย่ ๆ ใส่เรา เพราะเราไม่จำเป็ต้องลดตัวลงไปเป็นคนประเภทเดียวกับเขา เพราะนอกจากจะทำให้เราไม่ได้ดูดีไปกว่าเขา ยังเป็นการเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียความรู้สึกโดยไม่จำเป็น แต่ถึงอย่างนั้น การได้ระบายออกเสียบ้าง ก็เป็นอีกวิธีที่สามารถทำได้เช่นกัน โดยอาจระบายกับครอบครัว ระบายกับแฟนหรือกับเพื่อน เพื่อช่วยให้เราได้คัดเอาความรู้สึกแย่ ๆ เป็นการกำจัดของเสียออกจากสมองและจิตใจ ช่วยลดความตึงเครียด ลดโอกาสความเสี่ยงของการสะสมความเครียดและ burn out จนไม่อยากไปทำงานเพราะหมดความอดทนกับความ toxic ของ haters