การเช็คอันดับเว็บไซต์ หรือ SEO Ranking คือ การวัดผลหรือเช็คว่าตอนนี้ในคำคีย์เวิร์ดของธุรกิจคุณอยู่ที่อันดับเท่าไรในหน้าการแสดงผลการค้นหา (SERP) ช่วยให้เราสามารถเห็นถึงข้อบกพร่องในการทำ SEO บนเว็บไซต์เพื่อไต่อันดับบน Google ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น 

การเช็คอันดับเว็บไซต์เป็นการนำผลลัพธ์ของการทำ SEO เพื่อนำไปปรับปรุงและพัฒนาการทำ Search Engine บน Google ให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต  แต่อย่างไรก็ตาม อันดับ ranking หน้ากูเกิลส่วนใหญ่ไม่ใช่อันลำดับที่แท้จริง เพราะต้องใช้เครื่องมือเข้ามาช่วยในการเช็คอันดับเว็บไซต์ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้มีทั้งแบบที่ต้องเสียเงินซื้อจึงจะใช้งานฟีเจอร์อื่นได้มากขึ้น และมีเครื่องมือเช็คอันดับเว็บไซต์ฟรี ที่ใช้งานได้ทันทีเช่นกัน บทความนี้จะมาแนะนำเครื่องมือเช็ค SE Ranking ฟรี ฟังก์ชั่นไม่เยอะสามารถหาได้ไม่ยาก มีอะไรบ้าง ตามมาเลยค่ะ 

เครื่องมือเช็คอันดับเว็บไซต์ฟรีที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง 

1. Incognito Mode บน Google Chrome 

Incognito Mode คือ การเข้าใช้งานเว็บไซต์ด้วยโหมดไม่ระบุตัวตน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโหมดการใช้งานที่ซ่อนอยู่ใน Google Chrome โดยมีหน้าตาและการใช้งานเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันแค่เพียง Incognito เป็นสีดำ การเช็ค SEO Ranking ด้วย Incognito Mode บน Google Chrome เมื่อทำการเช็ค Keyword SEO อะไรก็ตาม ทางระบบ Google จะไม่มีการเก็บประวัติการท่องเว็บไซต์ คุกกี้ หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เคยค้นหาใน google อีกทั้ง ผลอันดับที่เห็นผ่าน Incognito เป็นอันดับที่แท้จริงของเว็บไซต์บนหน้าการแสดงผลการค้นหา ถือว่าเป็นวิธีที่รวดเร็ว ง่าย และฟรี 

วิธีใช้งาน Incognito Mode 

1. เข้า Google Chrome แล้วกด Ctrl+Shift+N หรือเข้าไปกดที่ Setting (อยู่บนขวาของหน้า Chrome) เข้าที่ New Incognito Windows ก็ได้เช่นกัน 
2. เมื่อเข้าหน้า Incognito Mode แล้ว จากนั้นใส่ Keyword ที่ต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับ เพื่อเช็ค seo ranking ว่าอยู่อันดับที่เท่าไร 

2. ติดตั้ง Google Search Console 

เช็คอันดับเว็บไซต์ผ่าน Google Search Console คือ เครื่องมือวิเคราะห์อันดับเว็บไซต์อย่างละเอียด วิเคราะห์สถิติ หรือ Error ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ได้อย่างครบถ้วนและแม่นยำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการนำผลลัพธ์ของการทำ SEO มาหาจุดบอดและพัฒนาต่อไป สามารถใช้ได้ฟรี! แต่ต้องทำการติดตั้ง Google Search Console กับเว็บไซต์ของเราเสียก่อน จึงจะใช้งานได้ 

วิธีใช้งาน Google Search Console 

1. เลือก Search Result เพื่อเช็คอันดับของเว็บไซต์ โดยหลังจากที่ติดตั้ง Google Search Console เข้ากับเว็บไซต์ของเราแล้วประมาณ 2 เดือนขึ้นไป (เว้นช่วงระยะเวลาเพื่อให้ระบบศึกษาข้อมูลของเว็บไซต์) ให้กดที่ Search Result 
2. เลือกกด Page เพื่อระบุและกรอก URL ของเว็บไซต์ที่ต้องการเช็คอันดับลงไป 
3. กด Average Position จากนั้นจะปรากฏผลลัพธ์ของการค้นหาที่ด้านล่าง 

3. Serprobot.com 

เช็คอันดับผ่านเว็บ serprobot คือ เครื่องมือการเช็คอันดับเว็บไซต์ โดยใช้คีย์เวิร์ดที่มีการใช้ค้นหา เพื่อเช็คว่าเว็บไซต์ของเราอยู่อันดับที่เท่าไร หรืออาจเลือก คีย์เวิร์ดค้นหามากที่สุดก็เช็คได้เช่นกัน จะให้ผลลัพธ์อันดับเว็บไซต์ รวมถึง เว็บเพจหน้าไหน หรือคอนเทนต์อะไร ที่ติดอันดับตามที่แจ้ง หากไม่แสดงผลอะไรขึ้นมาเลย แสดงว่าเว็บไซต์ของเราไม่ติด 100 อันดับแรกของ Search Engine Optimization บน google 

Serprobot ใช้ง่ายและสะดวก แต่อาจจะไม่ได้ข้อมูลในเชิงละเอียดมากเท่า Google Search Console แต่ก็จะละเอียดกว่า Incognito Mode 

วิธีการใช้งาน Serprobot 

1. เข้าไปที่เว็บไซต์ www.serprobot.com 
2. เลือกกดที่ Free SERP Check (ปุ่มสีฟ้า) 
3. กรอกประเทศ  > Thailand 
4. ใส่ชื่อ Domain เว็บไซต์ของเรา 
5. ใส่ keyword ที่ต้องการเช็คอันดับลงไป (สามารถใส่ได้มากสุด 5 คีย์เวิร์ด) 
6. กด Check SERP Now 
7. ระบบจะขึ้นตำแหน่งของทุกเพจในเว็บไซต์ที่ติดอันดับ keyword ที่ได้ระบุลงไป หากอันไหนขึ้น top ten แสดงว่าคอนเทนต์หรือเว็บเพจนั้นติดหน้า 1 – 2 ของ google  

เป็นอย่างไรบ้างกับ 3 เครื่องมือเช็ค SEO Ranking ฟรี ที่สามารถทำได้ด้วยตนเอง นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือที่มีฟังก์ชั่นครบครัน สามารถใช้ฟีเจอร์ได้มากขึ้นเป็นลำดับ แต่เป็นระบบเครื่องมือที่ต้องเสียเงินซื้อ ซึ่งหากมีโอกาสเราอาจได้นำมาฝากในบทความต่อไปค่ะ 

The post 3 เครื่องมือเช็คอันดับเว็บไซต์ SEO Ranking ฟรี มีอะไรบ้าง  appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

1. หยก 

หยก สัญลักษณ์คุณธรรม 5 ประการ ได้แก่ สติปัญญา ความเมตตา ความกล้าหาญ ความเสียสละ และ ความสมถะ อัญมณีสีเขียวซึ่งอยู่คู่กับคนจีนมาช้านาน ชาวจีนเชื่อว่าหินหยกช่วยส่งเสริมสติปัญญา ความรุ่งเรือง โชคลาภ และความโชคดีในด้านต่าง ๆ 

ความหมายของหยก 

หยก ภาษาอังกฤษ คือ Jade เป็นหินสีเขียวที่มีความหมายดี ทรงพลังไปด้วยความแข็งแรง แต่แฝงไปด้วยความเย็นฉ่ำ ชื่นใจ มองแล้วสบายตา นิยมใช้เป็นเครื่องประดับหลายรูปแบบ ทั้งกำไล แหวน สร้อย จี้ ซึ่งหยกมีหลายสีด้วยกัน โดยแต่ละแห่งที่มาของหยกก็จะต่างกันไป 

• หยกสีเขียว : ความมั่งคั่ง ร่ำรวย เงินทอง 
• หยกสีขาว : ความโชคดี สุขภาพ 
• หยกสีเหลือง (หยกน้ำผึ้ง) : จิตใจสงบ มั่นคง 
• หยกสีแดง : ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต 
• หยกสีดำ : ความเป็นอมตะ ต้านพลังงานลบ 
• หยกสามสี (หยกฮกลกซิ่ว) : วาสนา สุขภาพ อายุยืน 

2. อัญมณีสีฟ้า หรือพลอยสีฟ้า 

อัญมณีหรือหินสีฟ้า คุณสมบัติช่วยเยียวยาจิตใจ เชื่อกันว่า การพกอัญมณีหรือหินสีฟ้า ช่วยรักษาจิตใจ บรรเทาความทุกข์ ความเศร้าหมอง ความไม่สบายใจได้ และหินหรือพลอยสีฟ้าจะช่วยให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย หาทางออกที่ดีให้กับปัญหาที่หนักใจได้  

ความหมายอัญมณีสีฟ้า 

อัญมณีสีฟ้ามีหลากหลายชนิดด้วยกัน และความหมายหินสีฟ้าแต่ละชนิดก็แตกต่างกันไป ดังนีั 

• อความารีน (Aquamarine) : ช่วยป้องกันอันตรายและอุบัติเหตุต่าง ๆ จึงถูกเรียกว่า หินกันภัย 
• ไพลิน (Blue Sapphire) : เสริมมงคล เรียกโชคลาภ 
• โทแพซสีฟ้า หรือ โทพาซสีฟ้า (Blue Topaz) : อัญมณีแห่งมิตรภาพ มีเสน่ห์ ดึงดูดผู้คนให้เข้าหา 
• เพทายสีฟ้า (Blue Zircon) : เสริมโชคลาภ 
• เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) : เสริมโชคดีด้านการเงินและความรัก 
• ลาพิสลาซูลี (Lapis Lazuli) : ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย 
• เพชรสีฟ้า เพชรสีน้ำเงิน (Blue Diamond) : เสริมความร่ำรวย มั่งคั่ง 

3. ทับทิม 

ทับทิม อัญมณีสีแดง ช่วยส่งเสริมความเชื่อมั่น ความเข้มแข็ง กล้าคิดกล้าตัดสินใจ เสริมความมั่นใจให้กับผู้ครอบครองหินสีแดง ไม่อ่อนแอ ไม่โดนหลอก ไม่โดนเอาเปรียบง่าย ๆ 

ความหมายของทับทิม 

ทับทิม ภาษาอังกฤษ คือ Ruby Sapphire ราชาแห่งอัญมณี มาจากที่สุลต่านแห่งตุรกี ชาร์ แห่งเปอร์เซีย และมหาราชาของอินเดีย นิยมมีไว้ครอบครอง เพราะเชื่อว่า ทับทิม คือ สัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมั่งคั่ง อีกทั้งในคัมภีร์ไบเบิลได้กล่าวถึงทับทิมว่าเป็นตัวแทนแห่งสติปัญญาและความสวยงาม โดยคำว่า “Ruby” มาจากภาษาละติน คำว่า “Rubinus” แปลว่า สีแดง ในขณะที่ภาษาสันสฤต ทับทิม คือ Ratnaraj แปลว่า “รัตน์แห่งพระราชา” และทับทิม ถูกยกให้เป็นตัวแทนความสำเร็จและลาภยศ จึงมักถูกนำไปประดับบนเครื่องประดับสำคัญในราชวงศ์ต่าง ๆ ตั้งแต่ในสมัยโบราณ

4. มุก หรือ ไข่มุก 

ไข่มุก อัญมณีสีขาว ส่งเสริมโชคด้านความรัก เพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผู้ที่พบเห็น ดึงดูดความรักดี ๆ เข้าหา ช่วยให้ผู้อาภัพรักได้พบคู่ที่ใช่ ซินแสชื่อดังแนะนำว่า ใครอยากดวงดีเรื่องความรัก ให้ใช้เครื่องประดับมุก หรือพกหินสีขาวติดตัวไว้ จะช่วยให้เรียกคนรักที่ดีมาให้ 

ความหมายของไข่มุก

ไข่มุก หรือ มุก คือ อัญมณีแห่งท้องทะเล และถูกยกให้เป็นอัญมณีประจำราศีเมถุนและปีระกา และไข่มุก เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์ โดยชาวฮินดูถือไข่มุกเป็นอัญมณีแห่งความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ โดยมุกแต่ละสีมีความหมายแตกต่างกันไป 

ไข่มุกสีขาว : ความบริสุทธิ์ สะอาด เป็นเลิศ 

ไข่มุกสีชมพู : ความสวยงาม ความอ่อนหวาน เพศหญิง 

ไข่มุกสีแดง : พลัง สุขภาพ 

ไข่มุกสีเทา : สัญลักษณ์แห่งการตำหนิ ดูถูก ดูแคลน 

ไข่มุกสีดำ : ปรัชญา 

The post 4 อัญมณีสีมงคล 2567 เสริมโชคลาภ ใส่แล้วสวยและรวยมาก  appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

ถั่ว 5 สีมีอะไรบ้าง 

ถั่ว 5 สี ประกอบไปด้วย 

• ถั่วขาว
• ถั่วเขียว
• ถั่วดำ 
• ถั่วแดง
• ถั่วเหลือง  

ประโยชน์ของถั่ว 5 สี มีอะไรบ้าง 

ถั่ว 5 สี สรรพคุณ ปรับธาตุต่าง ๆ ในร่างกายให้มีความสมดุล และบำรุงอวัยวะส่วนต่าง ๆ  ดีต่อสุขภาพ  

1. ถั่ว 5 สี บำรุงระบบอวัยวะภายใน 

ถั่วแต่ละชนิดมีสรรพคุณบำรุงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย 

• ถั่วขาวบำรุงปอด 
• ถั่วเขียวบำรุงตับ 
• ถั่วแดงบำรุงหัวใจ 
• ถั่วดำบำรุงไต 
• ถั่วเหลืองบำรุงม้าม 

2. ถั่ว 5 สี ช่วยปรับสมดุลธาตุในร่างกาย 

ถั่ว คือ อาหารบำรุงธาตุในร่างกายได้อย่างดี โดยถั่วแต่ละสีจะเปรียบเสมือนธาตุต่าง ๆ เมื่อทานถั่ว 5 รวมกัน จะช่วยปรับธาตุในร่างกายให้มีสภาวะที่เหมาะสมอย่างสมดุล ไม่เจ็บป่วยง่าย ถั่วแต่ละสี เปรียบเป็นธาตุทั้ง 5 ดังนี้ 

• ถั่วขาว เป็นธาตุทอง 
• ถั่วเขียว เป็นธาตุไม้ 
• ถั่วแดง เป็นธาตุไฟ 
• ถั่วดำ เป็นธาตุน้ำ 
• ถั่วเหลือง เป็นธาตุดิน 

3. ถั่ว 5 สีให้พลังงาน

ถั่ว คือ อาหารเสริมพลังงานให้กับคนวัยทำงานได้อย่างดี โดยถั่ว 5 สี จะมีสารอาหารจากคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีน ไฟเบอร์ และวิตามินหลายชนิด ทำให้ร่างกายได้สารอาหาร เสริมความแข็งแรงให้กับร่างกาย ไม่รู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลียง่าย 

4. ถั่ว 5 สี ลดน้ำหนัก 

ในถั่วมีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขับถ่าย อีกทั้ง ถั่ว 5 สี ช่วยให้รู้สึกอิ่ม อยู่ท้องได้นาน ไม่ทานจุกจิก โดยอาจต้มถั่ว 5 สีให้เละคล้ายโจ๊ก กินแทนข้าวมื้อหลัก ช่วยในด้านการควบคุมน้ำหนัก และสามารถลดน้ำหนักได้ผลจริง 

5. ถั่ว 5 สี ลดเบาหวาน 

ถั่วแต่ละชนิดจะประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไม่ไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ทำให้ร่างกายมีน้ำตาลสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อย่างคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ข้าวขาว ข้าวหรือแป้งขัดสี แต่ต้องเลือกทานถั่ว 5 สีต้มแบบไม่ใส่น้ำตาลหรือน้ำเชื่อมเท่านั้น 

ประโยชน์ของถั่วแต่ละสีดียังไง

1. สรรพคุณถั่วขาว 

บำรุงปอด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง และกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย 

เมนูแนะนำ : น้ำถั่ว 5 สีปั่น ต้มถั่วขาว แกงถั่วขาว กุ้งผัดถั่วขาว

2. สรรพคุณถั่วเขียว 

มีไฟเบอร์สูง ทำให้อิ่มนาน อยู่ท้อง ควบคุมความหิว ลดน้ำหนัก แก้อาการร้อนใน 

เมนูแนะนำ : น้ำถั่ว 5 สีปั่น ถั่วเขียวต้ม ขนมถั่วกวน เต้าส่วน บัวลอย ขนมเปี๊ยะ 

3. สรรพคุณถั่วแดง 

แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ บรรเทาอาการปวดบวม กระตุ้นการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก 

เมนูแนะนำ: น้ำถั่ว 5 สีปั่น ถั่วแดงต้มน้ำตาล ซุปถั่วแดง ขนมบัวหิมะ ขนมปังไส้ถั่วแดง 

4. สรรพคุณถั่วดำ 

ช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ กระตุ้นการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยควบคุมน้ำหนัก 

เมนูแนะนำ : น้ำถั่ว 5 สีปั่น ข้าวเหนียวถั่วดำ ข้าวต้มมัด 

5. สรรพคุณถั่วเหลือง 

ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ป้องกันและบรรเทาอาการท้องผูก ลดไขมันในเส้นเลือด 

เมนูแนะนำ : น้ำถั่ว 5 สีปั่น น้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง เต้าหู้ขาว เต้าหู้เหลือง

The post ทานถั่ว 5 สีเป็นประจำดีต่อสุขภาพอย่างไร และกินถั่ว 5 สีลดน้ำหนักได้ไหม  appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

ประเพณีวันลอยกระทง (Loy Krathong) คือ วันประเพณีสำคัญของคนไทยที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อเป็นการขอขมาพระแม่คงคา และถือเป็นการสะเดาะเคราะห์ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ช่วงที่น้ำเต็มตลิ่ง ผู้คนนิยมนำดอกไม้ ธูป เทียน และอาจใส่เหรียญ หรือตัดผม เล็บ ใสลงไปในกระทง ก่อนนำไปลอยให้ไหลไปตามกระแสน้ำ โดยวันลอยกระทงตรงกับคืนวันเพ็ญ เดือน 12 หรือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคตินั่นเอง 

แม้วาการลอยกระทงจะเป็นประเพณีที่คนไทยสืบทอดต่อกันมาเนิ่นนาน แต่เคยสงสัยประเพณีลอยกระทงมีความเป็นมาอย่างไร จะเกี่ยวข้องกับตำนานหรือสิ่งใดบ้างไหม ทำไมจึงมีการลอยกระทงจนมาถึงปัจจุบัน ตาม cybernewsconnect มาแกะรอยประวัติลอยกระทงย่อ ๆ เข้าใจง่ายเพียงไม่กี่นาทีทางนี้ค่ะ 

วันลอยกระทงเป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ แต่กลับไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า จุดเริ่มต้นในการกำเนิดที่แท้จริง เกิดขึ้นเมื่อไรกันแน่ แต่มีความเชื่อกันว่า ประเพณีลอยกระทงมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และถูกเรียกว่า “พิธีจองเปรียญ” หรือ “การลอยพระประทีป” ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง เป็นต้นมา อีกทั้งยังปรากฏในหลักศิลาจารึกหลักที่ 1 ถึงเรื่องของการเผาเทียนเล่นไฟ เป็นงานรื่นเริงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสุโขทัย ซึ่งเชื่อกันว่าน่าจะหมายถึงงานลอยกระทง 

การลอยกระทงไม่ได้มีเพียงในวัฒนธรรมไทยเท่านั้น แต่ยังมีปรากฏว่าเป็นวัฒนธรรมในแถบเอเชีย ที่มีความเกี่ยวข้องกับศาสนา โดยเฉพาะคติพุทธและพราหมณ์ ที่มีการลอยกระทงเพื่อเป็นการบูชาในสิ่งที่เคารพนับถือ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงสันนิษฐานว่า การลอยกระทง คือ พิธีของพราหมณ์ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า ได้แก่ พระอิศวร พระนารายณ์ และพระพรหม และได้มีการนำมาเกี่ยวโยงกับพุทธศาสนา จนเกิดการชัดโคมและลอยกระทงสาย บูชาพระบรมสารีริกธาตุ และบูชารอยพระบาทพระพุทธเจ้า 

ต่อมาท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (นางนพมาศ) พระสนมเอกของพระร่วง ได้ประดิษฐ์กระทงทรงดอกบัว เพื่อนำไปลอยขอขมาต่อพระแม่คงคา และยังเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทที่แม่น้ำนัมมทานที แต่บางตำราจารึกไว้ว่า เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ผู้เป็นอัครสาวกของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ยังมีความเชื่อในประวัติวันลอยกระทง เกี่ยวข้องกับศาสนาพุทธหลากหลายตำรา เช่นดังต่อไปนี้ 

ประวัติวันลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธบาท 

คติความเชื่อในเรื่องของลอยกระทงเพื่อบูชาพระพุทธบาท มีหลากหลายตำราด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่เชื่อว่าการลอยกระทงเพื่อรอรับเสด็จพระพุทธเจ้า กลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่ไปโปรดพุทธมารดา ในขณะที่บางความเชื่อว่า ลอยโคมประทีปเพื่อบูชาพระจุฬามณีเจดีย์สถาน ซึ่งคติความเชื่อส่วนใหญ่ ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับพุทธกาล เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงทำการรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา และได้ทรงนำถาดทองที่ตั้งสำรับไปลอยน้ำ หลังจากเสวยเรียบร้อยแล้ว โดยได้ตั้งสัตยาธิษฐานก่อนที่ลอยถาดทองว่า หากพระองค์จักได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้ถาดทองลอยทวนน้ำ และถาดทองก็ลอยทวนน้ำตามที่พระองค์อธิษฐานไว้ พญานาคแห่งเมืองบาดาลเห็นดังนั้น จึงรู้สึกเลื่อมใสศรัทธา และขอให้พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ ณ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เพื่อให้เหล่าพญานาคได้ขึ้นมาสักการะบูชา ส่วนนางสุชาดาเมื่อทราบเรื่อง จึงได้นำถาดใส่ดอกไม้และเครื่องหอมต่าง ๆ มาสักการะบูชารอยพระพุทธบาทด้วยเช่นกัน จนกลายเป็นที่มาของการลอยกระทง เพื่อเป็นพุทธบูชาในคืนวันเพ็ญ และถือปฏิบัติสืบต่อกันมา จนกลายเป็นธรรมเนียมถึงปัจจุบัน 

ปัจจุบัน การลอยกระทง นอกจากเพื่อเป็นการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรม โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นการขอบคุณและขอขมาแก่พระแม่คงคา ยังถือเป็นโอกาสในการประกอบพิธีสะเดาะเคราะห์ แต่หลังจากที่เกิดโรคระบาดโควิด 19 ทำให้ต้องงดกิจกรรมการลอยกระทง แต่เพื่อไม่ให้ประเพณีดีงามของไทยต้องสูญหาย หรือหยุดชะงักไป จึงมีการรณรงค์ให้ลอยกระทงออนไลน์แทน แต่หลังจากที่สถานการณ์เริ่มซาลง คนไทยก็สามารถกลับมาจัดกิจกรรมวันลอยกระทงได้เป็นปกติ โดยวันลอยกระทง 2566 ตรงกับวันจันทร์ ที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ซึ่่งมีสถานที่หลายแห่งจัดให้มีการลอยกระทง รวมไปถึงกิจกรรมต่าง ๆ ให้ประชาชนได้เข้าร่วมสืบสานประเพณี แม้จะไม่ตรงกับวันหยุด แต่เชื่อว่า มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจและเดินทางไปร่วมสืบสานวัฒนธรรม ตามสถานที่จัดงานวันลอยกระทงทั่วประเทศไทยอย่างแน่นอน 

The post วันลอยกระทงตรงกับวันไหน และประวัติประเพณีลอยกระทงทางพุทธ appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

เมื่อความต้องการพื้นที่เก็บของส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น จึงเกิดธุรกิจห้องเก็บของให้เช่าเปิดให้บริการ หรือที่เรียกว่า Self Storage และถึงแม้ว่ารูปแบบธุรกิจนี้จะมีมาสักระยะหนึ่งแล้วในเมืองไทย แต่หลายคนก็ยังไม่เคยได้ยิน ไม่รู้จัก หรือไม่เคยใช้บริการเลยสักครั้ง 

ห้องเก็บของหรือพื้นที่ให้เช่าในกรุงเทพมักจะมีให้เลือกตามลักษณะใช้งาน 2 รูปแบบ ได้แก่ 

• Personal Storage คือ ห้องเก็บของสำหรับลูกค้าส่วนบุคคล ที่ต้องการเก็บข้าวของที่ใช้ไม่บ่อย ไม่ค่อยได้ใช้ ต้องการเก็บของรักของหวง ของที่ระลึก ของสะสม หรือสิ่งของที่เป็นตัวแทนความทรงจำ และข้าวของเครื่องใช้อื่น ๆ ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทาง รองเท้า อุปกรณ์กีฬา ถุงกอล์ฟ หนังสือรุ่น เครื่องดนตรี อุปกรณ์เครื่องมือช่าง อัลบั้มเทปหายาก เป็นต้น  

• Business Storage คือ ห้องเก็บของส่วนตัวที่รองรับกลุ่ม SME และ Startup ที่ปัจจุบันใช้บริการ Co – Working Space ในการทำงาน จึงต้องการพื้นที่เก็บของที่มีความปลอดภัยสูง สำหรับเช่าเก็บสินค้าให้เหมาะสมในแต่ละประเภท 

ทำไมคนหันมาใช้บริการเช่าห้องเก็บของมากขึ้น

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่เก็บของให้เช่า แต่ก็มีลักษณะเป็นห้องส่วนตัว เข้าออกได้ 24 ชั่วโมง ที่ตั้งอยู่ในอาคารระบบปิดมิดชิด ภายใต้การดูแลความปลอดภัยด้วยพนักงาน และกล้องวงจรปิดทั่วอาคาร จำกัดการเข้าออกบริเวณพื้นที่เฉพาะผู้ที่มีคีย์การ์ดหรือมีรหัส pin code เท่านั้น มีเครื่องปรับอากาศ และเครื่องปรับอุณหภูมิ ช่วยรักษาสภาพสิ่งของให้อยู่ได้นานขึ้น ป้องกันการเสื่อมสภาพได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวของเสียหายจากความร้อน ความชื้น และเชื้อรา แถมยังมีขนาดห้องให้เลือกตามขนาดและปริมาณสิ่งของที่เก็บภายใน ไม่ว่าจะเป็นห้องเก็บของขนาดเล็ก สำหรับการเก็บของกระจุกกระจิก ของเก่าเก็บที่ทิ้งไม่ลง ไปจนถึงการเก็บของขนาดใหญ่ อย่าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือสำนักงาน โต๊ะ เตียง โซฟา หรือ มอเตอร์ไซค์ และสามารถเปลี่ยนขนาดห้องได้ตลอด โดยไม่มีจำกัดครั้ง หากจำนวนของลดลงหรือเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถควบคุมรายจ่ายได้ตามการใช้งานจริง และส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า เพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง ที่ต่อให้ไม่มีรถส่วนตัว หรือเป็นผู้หญิงเดินทางไปคนเดียว ก็สะดวกสบายและไม่มีอะไรที่ต้องเป็นกังวล 

รู้ไหมว่า สถานที่เก็บสินค้าก็มีผลต่อการขอ อย. กับสินค้าควบคุมบางประเภทด้วยนะ 

​โดยปกติแล้ว การผลิตหรือนำเข้าอาหาร สินค้าเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ควบคุมบางชนิด เพื่อจำหน่าย จะต้องมีการขออนุญาต อย. 2 ขั้นตอน ได้แก่ 

1. ขออนุญาตผลิตภัณฑ์ 

​ผลิตภัณฑ์ควบคุมบางประเภท เช่น อาหาร เครื่องสำอาง นอกจากจะต้องมีใบอนุญาตการผลิต หรือใบอนุญาตนำเข้าแล้ว จะต้องทำการขออนุญาต “เลข อย.” หรือ “เลขสารบบอาหาร” จึงจะนำออกจำหน่ายสู่ท้องตลาดได้ ซึ่งผู้ประกอบการที่ต้องการขอใบอนุญาตนำเข้า สามารถใช้สถานที่นำเข้า และสถานที่เก็บอาหาร เป็นคนละที่กันได้ โดยสามารถใช้ Self Storage ที่เช่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้า แจ้งเป็นสถานที่เก็บ และใช้บ้าน ที่อยู่อาศัย หรือออฟฟิศของตัวเองเป็นสถานที่นำเข้าได้ โดยในส่วนที่ อย.จะตรวจสอบอย่างละเอียด คือ สถานที่เก็บสินค้า ซึ่งห้องเก็บของบางแห่งมีการรองรับ และเตรียมเอกสารแบบ อ.6 เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับสถานที่เก็บสินค้า ให้ลูกค้าได้นำไปใช้ประกอบในการยื่นขอใบอนุญาตนำเข้าอาหาร และ ยื่นขอใบอนุญาตผลิตภัณฑ์กับ อย. ในขั้นตอนต่อไป (จะต้องสอบถามรายละเอียดของ storage ที่เช่าด้วยว่ามีรองรับส่วนนี้หรือไม่) 

2. การขออนุญาตสถานที่  

การขออนุญาตสถานที่ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 

• ขอสถานที่ผลิตอาหาร (กรณีไม่เข้าข่ายโรงงาน) 
• ขอใบอนุญาตผลิตอาหาร (กรณีไม่เข้าข่ายโรงงาน)
• ขอใบอนุญาตนำเข้า (กรณีเป็นผู้นำเข้า)

ในปัจจุบัน ธุรกิจ Self Storage ให้เช่า มีให้บริการเพิ่มมากขึ้นหลายแห่ง ทำให้มีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ละแบรนด์จึงต้องสร้างแรงดึงดูดใจลูกค้าด้วยการเพิ่มฟูลเซอร์วิสต่าง ๆ เช่น การให้บริการ Box Storage ที่รับฝากกล่องเก็บของส่วนตัว สำหรับผู้ที่มีของชิ้นเล็ก ๆ หรือมีของฝากเก็บในพื้นที่ไม่มาก และบริการไปรับของถึงที่บ้านหรือคอนโด อีกทั้งยังจองผ่านออนไลน์ได้ด้วย เพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าที่ไม่สะดวกในการเดินทาง ผู้สูงอายุ รวมถึงผู้พิการ และมักจะมีโปรโมชั่นพิเศษบ่อย ทำให้การเช่าพื้นที่เก็บของราคาถูกกว่าการเพิ่มขนาดห้องคอนโดเสียอีก แถมยังมีการรับประกันให้ลูกค้า ในกรณีที่สินค้าเสียหายหรือสูญหายตามเงื่อนไขของแต่ละแห่ง นอกจากนี้ สามารถกำหนดระยะการเช่าได้ ตั้งแต่รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือจะเช่า Storage space รายปีไปยาว ๆ เลย ก็ทำได้เช่นกัน ยกเลิกการเช่าก็ง่าย ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่มีข้อผูกมัดแบบการเช่าอาคารทั่วไป จึงเหมาะมาก ๆ กับคนที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดชั่วคราว หรือไปดูงานต่างประเทศในระยะสั้น ๆ เพราะสามารถเก็บข้าวของทุกอย่างได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรื่องการสูญหาย และสามารถอัพเดทกับพนักงานได้ตลอดเวลาทำการ 

อย่างไรก็ตาม วิถีการดำรงชีวิตของคนในยุคที่ จำนวนประชากรมากกว่าพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ดินแพงยิ่งกว่าทอง ในขณะที่ความต้องการห้องเก็บของเพิ่มมากขึ้น จึงกล่าวได้ว่า ธุรกิจ Self Storage ช่วยเรียกคืนพื้นที่ใช้สอย และเพิ่ม Space ให้คนยุคใหม่ได้ใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นกว่าเดิม การเลือกเช่าพื้นที่เก็บของจึงเป็นตัวช่วยในการตอบโจทย์ให้กับคนที่มีพื้นที่จำกัดอย่างแท้จริง 

The post ทำไมห้องเก็บของให้เช่า จึงช่วยตอบโจทย์คนที่มีพื้นที่จำกัด appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

ปลาหินมีลักษณะอย่างไร 

ลักษณะปลาหินมีรูปร่างคล้ายกับก้อนหินตามชื่อที่ถูกเรียก มีลำตัวป้อม ๆ เกือบกลม มีหัวขนาดใหญ่ ส่วนหัวมีหนามจำนวนมาก ลำตัวสากและมีหนามเล็ก ๆ มีลายและสีคล้ำ ๆ คล้ายก้อนหิน หนังหนา มีปุ่มตะป่ำ ครีบอกกว้าง ครีบหลังยาว ก้านครีบแข็งคล้ายหนาม 

พิษของปลาหินอยู่บริเวณใด

มีพิษร้ายแรงที่บริเวณครีบ ซึ่งต่อมพิษอยู่ใต้ชั้นผิวโดยรอบส่วนกลาง ส่วนปลายก้านหนามมีเนื้อเยื่อห่อหุ้มไว้ โดยพิษจะถูกปล่อยออกมาเมื่อเยื่อหุ้มหนามฉีกขาด 

พิษของปลาหินอันตรายยังไง 

อันตรายจากพิษของปลาหิน ทำให้ปลาหิน คือ อีกชนิดของปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก ซึ่งหากเผลอไปสัมผัสถูกก้านครีบแข็งหรือหนามบริเวณหัวปลาหิน หรือถูกหนามปลาหินตำ จะทำให้ได้รับพิษรุนแรง มีอาการเจ็บปวด และบวมในบริเวณที่สัมผัสพิษทันที อาจเจ็บปวดอย่างต่อนเนื่องหลายชั่วโมง หากมีอาการแพ้พิษรุนแรง จะทำให้มีอาการคอแห้ง ซึม ปวดเมื่อยตามข้อต่าง ๆ ไม่ได้สติ เพ้อ และอาจเสียชีวิตได้ในที่สุด 

สามารถพบปลาหินได้ที่ไหน และอาหารของปลาหินคืออะไร 

เราสามารถพบปลาหินได้ในน้ำตื้นอบอุ่น รอบ ๆ พื้นที่หินในมหาสมุทร หรือรอบแนวปะการัง เพื่อรอซุ่มโจมตีเหยื่อ เช่น ปลาขนาดเล็ก กุ้ง และ crustaceans โดยปลาหินจะใช้ปากดูดเมื่อเหยื่อผ่านเข้ามา

ปลาหินกินได้ไหม 

สามารถนำปลาหินมาทานได้ หากทำให้ถูกวิธี โดยพิษของปลาหินสามารถทำลายได้ด้วยความร้อน และมักจะถูกนำไปเป็นเมนูอาหารหลายประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น สามารถพบเมนูอาหารที่ปรุงด้วยปลาหินในร้านอาหารหลายแห่งด้วยกัน

The post Stonefish “ปลาหิน” ราชาพิษแห่งมหาสมุทร appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

แต่แม้ว่าจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป แต่ควรตระหนักและไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดส่วนใหญ่มักจะเป็นเพศชาย แทบจะไม่มีผู้ป่วยเพศหญิงเลย อันเนื่องมาจากสาเหตุของการติดเชื้อฝีดาษลิง ส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมทางเพศที่ไม่มีความปลอดภัย และไม่เหมาะสม 

โรคฝีดาษลิงคืออะไร 

ฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง ภาษาอังกฤษ Monkeypox คือ โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Orthopoxvirus ของวงศ์ Poxviridae ซึ่งอยู่ในกลุ่มเดียวกับไวรัสโรคไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยพบเชื้อเหล่านี้ในพาหะที่เป็นสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระแต เป็นต้น แต่ค้นพบโรคนี้ครั้งแรกในลิง ทำให้เป็นที่มาของชื่อโรค “ฝีดาษลิง” นั่นเอง 

การติดต่อเชื้อฝีดาษลิง 

โรคฝีดาษลิงสามารถติดต่อจากสัตว์สู่คน และ คนสู่คน ด้วยการสัมผัสผ่านผิวหนัง สารคัดหลั่งของผู้เป็นพาหะและติดเชื้อ รวมไปถึงวัสดุปนเปื้อนเชื้อไวรัส 

ผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงมีอาการอย่างไร

ผู้ติดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง มักจะมีตุ่มขึ้นตามร่างกาย มีระยะเวลาฟักตัวของประมาณ 7 – 14 วัน โดยผู้ติดเชื้อจะมีอาการต่าง ๆ ดังนี้ 

• มีไข้ หรือ ไข้สูง
• ปวดกระบอกตา 
• ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกล้ามเนื้อ 
• มีผื่นหรือตุ่มหนองตามตัว หลังจากมีไข้ประมาณ 2 – 3 วัน 
• ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว 

ใครบ้างมีความเสี่ยงติดเชื้อฝีดาษลิง

• ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย เช่น การไม่สวมถุงยางอนามัย 
• ผู้ติดเชื้อทางเพศ เช่น หนองในแท้ หนองในเทียม เริม ซิฟิลิส หูดหงอนไก่ เป็นต้น 
• ผู้ป่วยหรือติดเชื้อ HIV 
• ผู้ที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนคู่นอนบ่อย ๆ 

ป้องกันตัวอย่างไรให้ห่างไกลจากฝีดาษลิง 

โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อ การป้องกันได้ดีที่สุด จึงต้องอยู่ให้ห่างไกลจากสัตว์ที่เป็นพาหะของเชื้อ รวมทั้งอยู่ให้ห่างจากผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง ส่วนผู้ติดเชื้อเองก็ควรปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ไปแพร่กระจายโรคแก่ผู้อื่นให้ขยายเป็นวงกว้าง โดยวิธีป้องกันและวิธีการดูแลตัวเอง ทำได้ดังนี้ 

• ไม่สัมผัสกับสัตว์ที่เป็นพาหะ อย่าง ลิง และสัตว์ฟันแทะต่าง ๆ หนู กระรอก กระแต รวมถึงไม่สัมผัสกับสัตว์ป่วย 
• ไม่สัมผัสโดยตรงกับสารคัดหลั่ง เลือด ตุ่มหนอง ของสัตว์ป่า สัตว์ติดเชื้อ และผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง 
• หลีกเลี่ยงการทานเนื้อสัตว์ป่าทุกชนิด
• หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่ไม่ผ่านการปรุงสุก โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ 
• ใส่หน้ากากอนามัยเสมอ เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรืออยู่ในบริเวณที่มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง 
• หมั่นล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์อยู่เสมอ 
• ฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ เพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากยังไม่มีวัคซีนป้องกันฝีดาษลิงโดยตรง 

แม้ว่าโรคฝีดาษลิงยังเป็นเรื่องใหม่ และยังไม่ระบาดรุนแรงเท่าโควิด 19 แต่ไม่ควรประมาท และควรตระหนักในเรื่องของการป้องกันตนเอง และศึกษาข้อมูลในการรับมือ เพื่อจะได้ผ่อนหนักให้เป็นเบา เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าโรคฝีดาษลิงจะระบาดรุนแรงหรือไม่ การเตรียมพร้อมจึงย่อมดีกว่าการแก้ไขในเวลาที่สายไปแล้ว 

The post เช็กด่วน กำลังมีพฤติกรรมเสี่ยง “ฝีดาษลิง” อยู่หรือเปล่า  appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

หมึกบลูริง (Blue-ringed octopus) หรือ หมึกสายวงน้ำเงิน มีลักษณะแบบปลาหมึกสีฟ้า เป็นหมึกในสกุล Hapalochlaena คือ อันดับหมึกยักษ์ แต่หมึกบลูริงเป็นหมึกยักษ์ขนาดเล็ก มีจุดวงกลมคล้ายแหวนสีน้ำเงินหรือน้ำเงินอมม่วงเป็นจุดเด่น สามารถเรืองแสงได้ และปล่อยพิษได้ทั้งจากการกัด หรือต่อยเหยื่อ เพื่อฉีดพิษเข้าร่างกายของเหยื่อ หรือแม้แต่การไปสัมผัสโดนตัวหมึกบลูริงก็สามารถรับพิษได้เช่นกัน โดยสามารถพบหมึกบลูริงหรือหมึกสายวงน้ำเงิน สปีชีส์ Hapalochlaena maculosa ในประเทศไทยได้ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทย

หมึกบลูริงถูกจัดให้เป็นสัตว์น้ำที่มีพิษร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก โดยพิษของหมึกบลูริงร้ายแรงกว่างูเห่าถึง 20 เท่า และรุนแรงกว่าพิษงูทะเลหลายเท่า พิษของหมึกบลูริง เกิดจากแบคทีเรียสกุล Bacillus และ Pseudomonas ที่อาศัยอยู่ในต่อมน้ำลาย (Salivary gland) ของมัน รวมไปถึงในไข่ของหมึก ซึ่งสามารถพบพิษในหมึกบลูริงได้ตั้งแต่แรกเกิด โดยพิษหมึกบลูริงทนความร้อนได้ถึง 200 องศาเซลเซียส การนำไปปรุงสุกก็ไม่สามารถสลายพิษของมันได้ หากใครเผลอกินหรือถูกหมึกบลูริงกัด อาจมีอาการแพ้พิษรุนแรงจนตายภายในเวลาอันรวดเร็ว และปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษหรือเซรุ่มใด ๆ ต้านพิษได้ ดังนั้น ก่อนจะเลือกซื้อหรือบริโภคอาหารทะเล โดยเฉพาะปลาหมึกทุกชนิด ต้องสังเกตและระมัดระวังให้ดี หลีกเลี่ยงการสัมผัสด้วยมือเปล่า และไม่ควรนำหมึกบลูริงมาปรุงเป็นอาหารรับประทานเด็ดขาด 

สารพิษของหมึกบลูริง เรียกว่า เตโตรโดท็อกซิน (Tetrodotoxin) ซึ่งเป็นพิษชนิดเดียวกับที่พบในปลาปักเป้า เมื่อได้รับพิษหมึกบลูริง อาจมีอาการต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 

• หายใจไม่ออก 
• กล้ามเนื้ออ่อนแรง 
• กระบังลมเป็นอัมพาต ทำให้หายใจลำบาก 
• อาจเสียชีวิตภายใน 2 – 5 นาที 

วิธีปฐมพยาบาลเมื่อได้รับพิษหมึกบลูริง 

เมื่อถูกพิษหมึกบลูริง ไม่ว่าจากการสัมผัส ถูกกัด หรือเผลอกินหมึกบลูริงเข้าไป จะร้องรีบทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยการนำอากาศเข้าสู่ปอด ด้วยวิธีการเป่าปาก และรีบนำตัวส่งให้ถึงมือแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะพิษของหมึกบลูริงออกฤทธิ์รวดเร็ว สามารถเสียชีวิตภายในไม่กี่นาที หากขาดอากาศนานเกินไปจนสมองตาย 

วิธีรักษาผู้ป่วยที่ได้รับพิษหมึกบลูริง 

ปัจจุบันยังไม่มียารักษา หรือยาต้านพิษหมึกบูริงได้ วิธีการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับพิษในขณะนี้ ใช้การใส่เครื่องช่วยหายใจในห้อง ICU จนกว่าพิษจะสลายไปเอง หากได้รับการรักษาทัน หรือผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันร่างกายดี มีโอกาสรอดชีวิต แต่ก็มีผู้ที่ได้รับพิษหมึกบลูริงเสียชีวิต เนื่องจากได้รับการรักษาไม่ทัน หรือมีอาการแพ้รุนแรงจนเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายขาดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคประจำตัวบางชนิดที่ร่างกายอ่อนแอ จนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ จนทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตในที่สุด ดังนั้น การป้องกันจากพิษหมึกบลูริงที่ดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงการสัมผัส และการรับประทานหมึกบลูริงในทุกกรณี

The post พารู้จัก หมึกบลูริง พิษร้ายกว่างู เผลอกินถึงตาย  appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

ทำไมขนมปังเป็นรา

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า ทำไมขนมปังจึงมักขึ้นราได้ง่าย ราในขนมปังมาจากไหน? เนื่องจากขนมปังมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก ๆ โดยน้ำตาลเป็นอาหารชั้นดีเลิศของเชื้อรา อีกทั้งขนมปังมีความชื้นสูง ทำให้ขนมปังกลายเป็นแหล่งที่อยู่และเพาะพันธุ์ของเชื้อราได้เป็นอย่างดี จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมขนมปังเป็นราได้ง่าย 

วิธีการเก็บขนมปังให้ได้นาน 

1. เก็บขนมปังในที่แห้งและเย็น 

วิธีการเก็บขนมปังไม่ให้ขึ้นราเร็วเกินไป โดยการเก็บไว้ในที่แห้งและเย็น คือ การนำขนมปังใส่กล่องพลาสติก จากนั้นนำไปวางไว้ในที่ไม่มีความชื้นรบกวน เช่น โต๊ะอาหาร เคาเตอร์บาร์ วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ไม่มีเวลาจัดการ หรือต้องการความสะดวกและรวดเร็วที่สุด แต่ควรหลีกเลี่ยงการนำใส่ตู้เย็นในช่องธรรมดา เพราะเพราะช่องธรรมดาในตู้เย็นมีความชื้นสูง ทำให้ขนมปังขึ้นราได้ง่าย 

2. เก็บขนมปับในช่องแช่แข็ง

เป็นอีกวิธีการเก็บขนมปังที่ง่าย คือ การนำขนมปังไปเก็บช่องแช่แข็งในตู้เย็น โดยวิธีเก็บ นำขนมปังห่อด้วยกระดาษไขมัน หรือกระดาษฟรอยด์ให้มิดชิด แล้วนำใส่ถุงซิบล็อค จากนั้นรูดเอาอากาศออกให้หมด ก่อนจะนำไปเข้าช่องแข็งในตู้เย็น โดยวิธีนี้จะช่วยให้เก็บขนมปังได้นานเป็นเดือน หรืออาจนานหลายเดือนเลยทีเดียว แต่ย้ำว่าจะต้องเก็บขนมปังไว้ในช่องแช่แข็งเท่านั้นนะ ถ้าเก็บในช่องธรรมดา เชื้อราขึ้นขนมปังแน่นอน

3. เก็บขนมปังกับวิสกี้สไตล์ญี่ปุ่น 

การเก็บขนมปังให้ได้นานแบบคนญี่ปุ่น คือ นำขนมปังใส่กล่องเก็บอากาศ แล้วเทวิสกี้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในภาชนะเล็ก ๆ เช่น แก้ว หรือถ้วยน้ำจิ้ม จากนั้นนำไปใส่ในกล่องขนมปัง โดยวิธีนี้จะนำกล่องขนมปังใส่ตู้เย็นหรือไม่ใส่ตู้เย็นก็ได้ สามารถเก็บขนมปังอาจได้นานกว่า 2 เดือน เนื่องจากแอลกอฮอล์ในวิสกี้จะระเหยออกมา และฆ่าเชื้อราที่จะขึ้นบนขนมปัง แถมช่วยป้องกันการเกิดใหม่ของเชื้อราบนขนมปังอีกด้วย 

4. เก็บขนมปังด้วยกระดาษอเนกประสงค์ 

วิธีการเก็บขนมปังด้วยกระดาษอเนกประสงค์ คือ นำขนมปังมาห่อด้วยกระดาษทิชชู่ food grade หรือที่เป็นกระดาษซับน้ำมัน ที่เรามักจะใช้กันในครัวกันอยู่แล้ว โดยก่อนจะนำมาห่อ ให้หั่นขนมปังเป็นที่ชิ้นที่จะกินในแต่ละมื้อ จากนั้นนำใส่ถุงซิปล็อค แล้วรูดให้อากาศออกให้หมด วิธีนี้ไม่ต้องนำเข้าตู้เย็น แต่สามารถเก็บขนมปังได้นานเกือบเดือนเลยทีเดียว

อุ่นขนมปังอย่างไรให้อร่อยเหมือนขนมปังอบใหม่ 

เตาอบ / เครื่องปิ้งขนมปัง : หลังจากที่นำขนมปังแช่แข็ง ทำให้ขนมปังเนื้อแข็งหยาบ จึงต้องมีการอุ่นขนมปังเสียก่อน โดยเมื่อนำขนมปังออกมาจากช่องแช่แข็ง ให้ตั้งในอุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที เพื่อให้เนื้อขนมปังมีการคลายตัว จากนั้นจึงนำขนมปังไปอุ่นในเตาอบ หรือ ใช้กับเครื่องปิ้งขนมปัง 

ไมโครเวฟ : พรมน้ำลงบนขนมปังเล็กน้อย นำขนมปังเข้าไมโครเวฟ และเทน้ำใส่แก้ววางไว้ข้างจานขนมปัง จากนั้นเวฟขนมปัง โดยใช้เวลาประมาณ 1 – 2 นาที เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมปังนุ่ม อร่อย เหมือนขนมปังอบใหม่

ทำอย่างไรให้ขนมปังหอม นุ่ม เหมือนขนมปังใหม่ 

นำขนมปังที่ไม่หอม หรือไร้ความนุ่มแล้ว ใส่ในถุงเดียวกับขนมปังที่เพิ่งซื้อมาใหม่ หรือขนมปังที่เพิ่งเปิดใหม่ และยังมีความหอมนุ่มอยู่ จากนั้นปิดปากถุงให้สนิท ตั้งทิ้งไว้ข้ามคืน เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมปังที่หอมนุ่มเหมือนใหม่แล้ว 

ข้อควรระวังในการเก็บขนมปัง 

• ไม่ควรให้ขนมปังโดนลม หรือเปิดปากถุงขนมปังทิ้งไว้
• ไม่ควรนำขนมปังตากแดด หรือวางไว้บริเวณที่มีแดดจัดส่องถึง
• ไม่ควรวางขนมปังใกล้สารเคมีต่าง ๆ (เพราะขนมปังดูดซับกลิ่นได้ดี)
• ไม่ควรนำขนมปังแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา 

หากทำได้ตามนี้ ก็จะสามารถเก็บขนมปังได้นานขึ้น ป้องกันไม่ให้ราขึ้นขนมปังเร็วก่อนหมดอายุ ช่วยถนอมขนมปังให้ได้กินนาน ๆ ไม่ต้องทิ้งให้กลายเป็น food waste สร้างมลพิษ ทำลายสิ่งแวดล้อมอีกต่อไปแล้วค่ะ 

The post เก็บขนมปังอย่างไรให้ได้นาน หอมนุ่มอร่อย ไม่ให้ขนมปังขึ้นราง่าย appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.

วันนี้เรามาแจก 3 เมนูอาหารล้างตู้เย็น ที่สามารถดัดแปลงวัตถุดิบเหลือ ๆ ในตู้เย็น สรรสร้างให้เป็นอาหารสุขภาพ ทำง่าย ไม่ต้องทิ้ง และยังได้ช่วยรักษ์โลกอีกด้วยค่ะ  

1. กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา 

เชื่อว่าหลายบ้านมักจะซื้อกะหล่ำปลีติดตู้เย็นไว้ เพราะสามารถประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้งเป็นตัวเอกและตัวประกอบ หรือแม้แต่ผักเคียง เช่น กะหล่ำปลียัดไส้ ผัดผัก ผักลวกจิ้มน้ำพริก หรือกินกับส้มตำ เป็นต้น และกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา ถือว่าเป็นอีกเมนูอาหารทำง่าย แต่อร่อย กินเพลิน ข้าวหมดจานไม่รู้ตัวเลยล่ะ

วัตถุดิบ 

• กะหล่ำปลี 
• กระเทียม
• น้ำปลา 2 ช้อนชา
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา 
• น้ำมันพืช 

วิธีทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา 

• ล้างกะหล่ำปลีให้สะอาด แล้วหั่นให้พอดีคำ 
• สับกระเทียมให้ละเอียด 
• ตั้งกระทะ ใช้ไฟกลาง 
• ใส่น้ำมันพอร้อน ใส่กระเทียมแล้วผัดให้เหลืองหอม 
• นำกะหล่ำที่หั่นไว้ใส่ลงไปผัด
• ปรุงด้วยวัตถุดิบที่เตรียมไว้ทั้งหมด 
• ผัดต่อพอให้หอม และผักสุก แต่ยังมีความกรอบ หวานอร่อย อย่าผัดนานจนผักเหี่ยวหรือนิ่มเกินไป 
• พร้อมเสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ 

2. ข้าวไข่คั่วแห้ง 

ไข่ไก่ เป็นอาหารที่มีแทบทุกบ้าน เพราะไข่ไก่อุดมไปด้วยโปรตีน และสารอาหารต่าง ๆ แต่ราคาไม่แพง และยังสามารถทำได้สารพัดเมนูอาหารคาว – หวาน แต่หลายครั้งที่เรามักจะซื้อไข่ยกแผง แล้วอาจทำให้กินไม่ทัน หรือนึกได้แต่เมนูไข่ซ้ำ ๆ มาลองเพิ่มเมนูข้าวไข่คั่วแห้งไว้ทำกินที่บ้านกันดีกว่าค่ะ ทำง่ายและอร่อยได้ไม่ต้องกลัวอ้วน

วัตถุดิบ 

• ไข่ไก่ 3 – 4 ฟอง (หรือตามสะดวก) 
• มะเขือเทศหั่นเต๋า
• ต้นหอม ผักชี 
• กระเทียม
• ซอสปรุงรสฝาเขียว ½ ช้อนโต๊ะ
• น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ 
• พริกไทยป่น 
• น้ำตาลทราย (ปลายช้อนชาหรือตามรสที่ชอบ) 

วิธีทำข้าวไข่คั่วแห้ง 

• สับกระเทียมให้ละเอียด หรือทุบให้แตก (แล้วแต่ชอบ) 
• ตั้งกระทะด้วยไฟอ่อน และใส่น้ำมัน
• นำกระเทียมลงไปผัดให้เหลืองหอม 
• ใส่ไข่ไก่ที่เตรียมไว้ลงไป รอจนไข่ขาวสุกเล็กน้อย แล้วใช้ตะหลิวขยี้ไข่ให้ทั่ว และผัดต่อ
• ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ ผัดจนเข้าเนื้อไข่ดี 
• ใส่มะเขือเทศตามลงไป แล้วผัดจนมะเขือเทศสุกดี 
• ใส่ต้นหอม ผักชี  และผัดต่ออีกเพียงเล็กน้อย 
• ตักราดบนข้าวสวยร้อน ๆ 
• พร้อมเสิร์ฟ 

3. ยำหมูสับพริกสด 

พริกที่มีติดครัวกันทุกบ้าน แต่เชื่อว่าหลายคนที่ซื้อพริกมาแล้วกินไม่ทัน ทิ้งไปก็เยอะ เพราะพริกขึ้นรา หรือช่วงเนื้อหมูถูก แต่นึกเมนูไม่ออก มาลองเพิ่มเมนูสุดแซ่บ ยำหมูสับพริกสดกันดีกว่า รับรองว่าถูกปากสายแซ่บแน่นอน จะทานคู่กับข้าวเหนียวหรือข้าวสวยก็อร่อย

วัตถุดิบ 

• หมูสับ 200 – 300 กรัม (หรือเท่าที่มี) 
• พริก (ตามระดับความเผ็ดที่ชอบ) 
• ผักชี
• มะนาว
• น้ำตาลมะพร้าว 20 g (หรือตามระดับความหวานที่ชอบ) 
• น้ำปลา 2 ช้อนชา 

วิธีทำยำหมูสับพริกสด 

• ลวกหมูสับให้พอสุก 
• หั่นพริกให้พอหยาบ 
• ผสมน้ำมะนาว น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา เข้าด้วยกันในชามผสม 
• นำหมูที่ลวกจนสุกใส่ลงในชามผสม 
• คนและคลุกเคล้าให้เครื่องปรุงเข้าเนื้อหมูดี
• ตักใส่จานแล้วโรยด้วยพริกและผักชี 
• พร้อมเสิร์ฟ 

The post แจก 3 เมนูทำง่าย ๆ ช่วยลดการทิ้งวัตถุดิบให้กลายเป็นขยะอาหาร appeared first on แหล่งที่มาของคุณสำหรับการอัปเดตความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ล้ำสมัย.